พ่อท่านแปลก” แปลกที่ว่าพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ องค์นี้เก่งจริง แต่ไม่มีใครรู้จักมากนัก ท่านแอบเร้นสงบวิเวกอยู่ที่วัดปากปรน กิ่งอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง ทั้งวัดมีท่านอยู่เพียงองค์เดียว สมถะ วิเวก เรียบง่าย น่านับถือ มองดวงตาของท่านแจ่มใสเป็นประกาย แสดงให้เห็นถึงญาณสมาบัติอันกล้าแกร่ง มีเพียงคนในจังหวัดตรังและใกล้เคียงไม่มากนักที่รู้ว่าท่านมีอภินิหาร และแก่กล้าพุทธาคมอย่างยิ่งยวด หลายครั้งหลายหนที่ผู้คนประสบพบเห็นอภินิหารของท่านอย่างน่าอัศจรรย์
ผู้เขียนเดินทางไปพบท่านครั้งแรก เพื่อพิสูจน์ว่าท่านเดินไปท่ามกลางสายฝนแต่ไม่เปียก ตามที่เพื่อนผู้หนึ่งซึ่งเคยเดินไปพร้อมกับท่านแต่เปียกฝนเล่าให้ฟัง เพื่อดูว่ามีข้อเท็จจริงเพียงใด แต่วันนั้นไม่พบท่าน มีคนมาหารับไปช่วยผู้ประสบเคราะห์กรรมบางอย่างที่พัทลุง นับจากวันนั้นนับเดือนจึงมีโอกาสไปพบท่าน ด้วยการอำนวยความสะดวกอย่างดียิ่งจาก พ.ต.อ.จักรภาณุ ฤทธิ์สุนทร ผู้กำกับการสถานีตำรวจอำเภอเมือง จังหวัดตรัง และได้พบเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์หลายประการ ซึ่งจะนำมาถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่าน “ลานโพธิ์” ได้รู้จักพระเถระผู้มีความน่าศรัทธาเลื่อมใสอีกองค์หนึ่งของภาคใต้
“พ่อท่านแปลก” เกิดในสกุล “ชูเท้า” ที่บ้านร่มเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2478 บิดาชื่อ นายปาน ชูเท้า มารดาชื่อ นางคุ้ม ชูเท้า เมื่อวัยเยาว์ได้ช่วยบิดา-มารดาประกอบอาชีพทำนาอยู่ที่บ้านตำบลร่มเมือง จนมีอายุครบบวชจึงได้อุปสมบทที่วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ศึกษาธรรมและได้เรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ จึงเกิดความสนใจวิชาเวทมนต์ คาถาอาคม และไสยศาสตร์แขนงต่างๆ มาก พยายามเสาะหาครูบาอาจารย์ศึกษาจนไปพบอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ ได้เรียนวิชาการต่างๆ มามากมาย เมื่อออกพรรษาบิดา-มารดาให้ลาสิกขามาช่วยงานทางบ้านทำนาต่อไป จึงต้องสละเพศบรรพชิตทั้งที่จิตใจฝักใฝ่จะอยู่ต่อ เมื่อมาช่วยงานทางบ้านมีเวลาว่างๆ ก็หันไปแสวงหาอาจารย์เรียนรู้วิชาทางไสยศาสตร์อยู่เสมอ จนได้พบกับพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ ที่บ้านควนขนุนได้รับการชี้แนะแนวทางเวทมนต์วิทยาคมมากมาย ต่อมามีครอบครัวและเมื่ออายุได้ 33 ปี เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก เพราะมีจิตใจใคร่ทางธรรมอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก จึงตัดสินใจลาครอบครัวออกอุปสมบทตามความตั้งใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2510 โดยมี พระครูมุทิตานุรักษ์ วัดท่าแค เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูนิเทศน์ธรรมวินัย วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาผัน วัดโคกโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปุสฺสเทโว” ณ พัทธสีมาวัดควนขี้แรด แล้วจำพรรษา ณ วัดควนขี้แรด พัทลุง ได้หนึ่งพรรษาจึงไปอยู่วัดดอนปรัง แล้วไปจำพรรษาที่วัดควนโตนด จากนั้นไปอยู่วัดบางขัน ต.ห้วยไทร อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อค้นคว้าเรียนวิชาสายเขาอ้อกับหลวงพ่อปานอีกครั้งหนึ่ง จนเรียนรู้ชำนาญสามารถปฏิบัติได้เห็นจริง จึงธุดงค์ข้ามจังหวัดจากพัทลุงหาความสงบวิเวกบนเขาพับผ้า อยู่ในป่าเพื่อฝึกจิตให้กล้าแข็ง ปฏิบัติธรรมจนถึง พ.ศ.2512
จึงธุดงค์มาถึงวัดปากปรน กิ่งอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง พบว่าเป็นวัดร้างไม่มีพระอยู่ มีกุฏิเก่าๆ และศาลาผุพังกับป่ารกทึบสงบวิเวก จึงได้จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดปากปรนเพียงองค์เดียว วัดปากปรนครั้งนั้นเป็นป่าที่สงบตรงกับความต้องการของท่าน มีสัปปายะที่ดีในการบำเพ็ญภาวนา ระหว่างจำพรรษาอยู่วัดปากปรน เริ่มมีชาวบ้านผ่านมาเข้าไปกราบนมัสการ และเริ่มรู้จักท่านมากขึ้น เพราะนอกจากวิชาคาถาอาคมและไสยศาสตร์แล้ว ท่านมีความชำนาญในตำรารักษาโรคด้วยสมุนไพรอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากระหว่างที่ท่านธุดงค์อยู่บนเขาพับผ้านั้น มีชาวบ้านซึ่งพบตำรารักษาโรคและตำรับเวทมนต์ในถ้ำวัดในเขา นำเอาตำราทั้งหมดมาถวายท่านเอาไว้ เพราะเอาไว้ในบ้านแล้ว พบสิ่งอัศจรรย์มากมาย เอาไว้ไม่ได้จึงเอามาถวายท่าน ท่านได้ศึกษาตำรับตำราเหล่านั้นอยู่นานหลายปีจนมีความเข้าใจแจ่มแจ้ง
ดังนั้น นอกจากวิชาที่ท่านได้เรียนมาจากสำนักเขาอ้อแล้ว วิชาบางส่วนท่านได้มาจากตำราที่ชาวบ้านพบในถ้ำแล้วเอามาถวายท่าน ด้วยใจที่สนใจไสยศาสตร์มาแต่เดิมจึงทำให้ท่านมุ่งมั่นฝึกฝนจนสามารถปกิบัติได้จริง มีลูกศิษย์ของท่านหลายคนยืนยันว่า เคยเดินไปกับท่าน ฝนตกลงมาคนที่ร่วมเดินไปพร้อมกับท่านทุกคนเปียกฝนชุ่มโชก แต่ตัวท่านไม่มีฝนตกถูกจีวรเลยแม้แต่เม็ดเดียว สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เมื่อผู้เขียนถามท่านถึงเรื่องนี้ ท่านได้แต่หัวเราะ และเมื่อถามมากๆ ท่านก็ยอมรับว่า ท่านมีพุทธคุณปกป้องคุ้มครองอยู่ หลังจากนั้นไม่นานท่านได้เล่าถึงคาถาอิติปิโสหลายบท และได้เน้นที่บท “ฝนแสนห่า” ท่านว่าใช้ทางแคล้วคลาด พร้อมทั้งเปรยว่า “ฝนแสนห่าตกลงมาไม่ถูกตัว” ทำให้ผู้เขียนนึกถึง “พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา” ศิษย์เขาอ้อ ซึ่งล่วงลับไปแล้ว ได้เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ตะกรุดที่ท่านลงให้ในทางแคล้วคลาดนั้นชื่อ ตะกรุดฝนแสนห่า ลงด้วยคาถา “ฝนแสนห่า” แบบฉบับของสำนักเขาอ้อ ซึ่งมีเคล็ดพิธีกรรมอีกแบบหนึ่งไม่เหมือนใคร พุทธคุณของคาถาฝนแสนห่านั้น เปรียบประดุจฝนแสนห่าตกลงมาไม่ถูกกาย ใช้ทางแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ผู้เขียนได้เน้นถามพ่อท่านแปลกในเรื่องนี้ปรากฏว่าวิชาที่ท่านเรียนมาเหมือนกับที่อาจารย์ศรีเงินได้เล่าให้ฟัง เมื่อครั้งท่านมีชีวิตแสดงว่า “พ่อท่านแปลก” ได้สำเร็จวิชานี้ และสามารถทำได้ขลังมีผลให้เห็นเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ท่านเล่าว่านอกจากจะได้วิชามาแล้ว หากไม่ฝึกปฏิบัติทางจิตจนเข้มแข็งก็ไม่สามารถทำได้ตามตำราที่เรียนมา
“ไม่สรงน้ำมาหลายปี” ในบรรดาผู้เคารพเลื่อมใสพ่อท่านแปลกจะทราบกันดีทุกคนว่าท่านไม่สรงน้ำ ไม่เคยเห็นท่านสรงน้ำ ถามท่านว่า
“พ่อท่านไม่สรงน้ำมากี่ปีแล้ว” ท่านตอบว่าจำไม่ได้ แต่แปลกที่ว่าเมื่อเข้าไปนั่งใกล้ท่านกลับไม่มีกลิ่นกายแต่ประการใด วรรณะ ราศี ผิวพรรณของท่านกับผ่องใสเปล่งปลั่งและดูสะอาดตามาก
“พ่อท่านอาบน้ำในกา” ลูกศิษย์หลายคนของท่านเล่าว่า เคยเห็นท่านนั่งอยู่แต่ตัวเปียกน้ำ ทั้งๆ ที่วัดของท่านไม่มีห้องน้ำ และเมื่อสังเกตก็เห็นกาน้ำที่วางข้างตัวท่าน รอบๆ กามีน้ำเปียกอยู่โดยรอบ ฝากาเปิดอยู่ จึงถามท่านว่า พ่อท่านไปอาบน้ำที่ไหนมา ท่านหัวเราะแล้วหันไปมองที่กาน้ำ โดยไม่เอ่ยปากพูดอะไร ลูกศิษย์จึงเข้าใจว่าท่านคงอาบน้ำในกา เพราะหลายคนทราบดีว่าพ่อท่านมีวิชาสามารถย่นหนทางและย่อกายได้อย่างน่าอัศจรรย์
“ปืนยิงไม่ออก” หลายปีมาแล้ว ชาวบ้านรอบๆ วัดแอบเข้ามาเล่นการพนันในเขตวัด โดยใช้ศาลาเป็นสถานที่ เมื่อเล่นไปก็มีคนเสียเงินบ้าง คนได้เงินบ้าง คนที่เสียมากคนหนึ่งเป็นนักเลงในท้องถิ่นนั้น เมื่อไม่มีเงินจะเล่นต่อจึงเข้าไปขอเงินพ่อท่านแปลกที่กุฏิ ท่านรำคาญจึงหยิบเงินส่งให้ไป ชายผู้นั้นหายไปพักหนึ่งก็กลับมาอีก คราวนี้มีอาการเมาเหล้าบอกว่าเงินพ่อท่านหมดแล้วขออีก ท่านจึงบอกว่าไม่มีให้ไปหมดแล้ว ชายผู้นั้นก็เซ้าซี้จะเอาเงินให้ได้ พ่อท่านไม่มีให้ จึงเกิดโมโห ชักปืนขนาด .38 ขึ้นขู่พ่อท่าน เพื่อจะเอาเงิน ท่านก็ตอบว่าไม่มีเพราะให้ไปหมดแล้ว จึงลั่นไกปืนยิงท่าน นัดแรกเสียงดัง “แช็ก” นัดสอง นัดสาม ก็เป็นเช่นเดิมลูกปืนไม่ลั่น พ่อท่านจึงบอกว่าให้ไปไกลๆ ไปยิงนอกวัดโน้น ชายผู้นั้นจึงเดินออกไปยิงที่หน้ากุฏิของท่านอีก 1 นัด ก็ไม่ออก จึงออกไปยิงขึ้นฟ้าที่หน้าวัด ปรากฏว่ายิงออกทุกนัด เรื่องนี้มีชาวบ้านร่วมเห็นเหตุการณ์หลายคนเล่าให้ฟังตรงกัน (ชายผู้นี้ขอสงวนชื่อ ขณะนี้โดนจับคดียิงคนตายยังอยู่ในเรือนจำ เพราะหลังจากนั้นอีกไม่นานก็ไปยิงผู้อื่นตาย และถูกตำรวจจับได้)“พ่อท่านแปลก” เกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านถือสันโดษและปฏิบัติธรรมด้วยการพิจารณา “อสุภะกรรมฐาน” เป็นเนืองนิตย์ มีกระแสจิตแก่กล้า แต่มีความเมตตาเป็นเลิศ นับเป็นเกจิอาจารย์อีกองค์หนึ่งของภาคใต้ ที่น่าเคารพและศรัทธายิ่ง วัตถุมงคลที่ท่านได้ปลุกเสกไว้โดยมีลูกศิษย์ได้ช่วยสร้างถวายให้ท่านปลุกเสก แล้วให้ทำบุญเอาไปสร้างถาวรวัตถุในวัดปากปรน ผู้ที่ได้ไปต่างมีประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์จำนวนมาก วัตถุมงคลที่เหลืออยู่ และนำมาฝากท่านผู้อ่านให้ร่วมทำบุญกับท่าน มีดังนี้
1. เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.2538 ขณะนี้เหลืออยู่เล็กน้อย เป็นเหรียญทองแดงรมน้ำตาลรูปไข่ ให้ทำบุญเหรียญละ 100 บาท2. ล็อกเกตรูปพ่อท่านแปลก สร้างหลังจากเหรียญรุ่นแรกไม่นานนัก ให้ทำบุญอันละ 100 บาท3. แหวนพิรอด สร้างจากแผ่นยันต์หล่อหลอมเทเป็นแหวน ขณะนี้มีเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ให้ทำบุญวงละ 100 บาท4. สายคาดเอว เป็นผ้ายันต์ม้วนแล้วถักด้วยเชือกใช้สำหรับคาดเอว ซึ่งผู้ที่นำไปใช้มีประสบการณ์มากมาย ทำบุญเส้นละ 339 บาท5. ผ้ายันต์ปกป้องคุ้มครอง ทำบุญผืนละ 50 บาท6. ผ้ายันต์เมตตาค้าขาย ทำบุญผืนละ 50 บาท7. รูปหล่อเนื้อเซลลิก้าผสมผง หน้าตัก 5 นิ้ว ทำบุญองค์ละ 499 บาท8. รูปหล่อเนื้อทองเหลือง หน้าตัก 2 นิ้ว ทำบุญองค์ละ 399 บาท
วัตถุมงคลดังกล่าวขณะนี้บางอย่างเหลืออยู่มากบ้างน้อยบ้าง รายได้จากการทำบุญทั้งหมดพ่อท่านแปลกจะนำไปบูรณะถาวรวัตถุของวัดปากปรน วัตถุมงคลของพ่อท่านแปลกแทบทุกอย่างมีประสบการณ์มากมาย ขณะที่ผู้เขียนไปนั่งสนทนากับพ่อท่านแปลก มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นางสำอางค์ หนูแก้ว ชาวบ้านตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ได้มานมัสการขอผ้ายันต์ของพ่อท่าน เพื่อเอาไปผูกกับรถมอเตอร์ไซค์ เธอเล่าประสบการณ์กับพ่อท่านแปลกว่า เธอเคยป่วยเป็นอัมพาตเดินไม่ได้นานหลายปี มีคนพามาหาพ่อท่านแปลก ท่านต้มยาให้กินและช่วยรักษาเธอ จนทุกวันนี้เธอเดินได้เป็นปกติเหมือนเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ ต่อมาเธอได้แต่งงานกับหมออนามัย ตำบลโพรงจระเข้ จึงได้เอาผ้ายันต์และสายคาดเอวของพ่อท่านแปลกไปผูกไว้กับรถปิกอัพของสามีให้ปกป้องคุ้มครอง
เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 สามีเธอขับรถคันนั้นเกิดหลับในรถแหกโค้งพลิกคว่ำลงข้างถนนสูงหลายตลบ รถพังทั้งหมด แต่สามีเธอไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เธอมาเล่าเรื่องนี้ให้พ่อท่านแปลกผัง ต่อหน้าผู้เขียนและขอผ้ายันต์ผืนใหม่ไปใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ ท่านที่สนใจจะร่วมทำบุญกับพ่อท่าน ส่ง ธนาณัติพร้อมค่าส่งพระบูชา 100 บาท พระเครื่องอื่นๆ ค่าส่ง 50 บาท ไปที่ พระอธิการแปลก ปุสฺสเทโว วัดปากปรน หมู่ที่ 2 ต.หาดสำราญ กิ่ง อ.หาดสำราญ จ.ตรัง สั่งจ่าย ปท.กิ่งอำเภอหาดสำราญ ในนาม พระอธิการแปลก ปุสฺสเทโว
“วัตถุมงคลมูลนิธิดุษฎีบุญ” วัตถุมงคลของพ่อท่านแปลก รุ่นมูลนิธิดุษฎีบุญ นี้ พ่อท่านแปลกจะทำพิธีจารอักขระเลขยันต์ต่างๆ ลงในแผ่นโลหะทองคำ เงิน ทองแดง จำนวนมาก ในระหว่างพรรษานี้ แล้วทำพธีหลอมเนื้อโลหะ ทองคำ เงิน นวโลหะ ทองแดง และทองทิพย์ ด้วยฤกษ์ยามตามตำรับของท่าน เพื่อสร้าง “รูปเหมือนพิมพ์เตารีด” ด้วยเนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ ทองแดง และทองทิพย์
จากนั้นจึงปลุกเสกในพรรษานี้ และให้ทำบุญในวันหลังจากออกพรรษาแล้ว รายได้จากการสร้างครั้งนี้จะนำไปบูรณะวัดปากปรนและก่อตั้ง “มูลนิธิดุษฎีบุญ เพื่อการศึกษา” ซึ่งมีพ่อท่านแปลก ปุสฺสเทโว เป็นประธานอุปถัมภ์มูลนิธิ และ พ.ต.อ.จักรภาณุ ฤทธิสุนทร เป็นประธานดำเนินการมูลนิธิ ท่านที่จะร่วมทำบุญวัตถุมงคลมูลนิธินี้ ทำบุญได้โดยสั่งจองวัตถุมงคล ดังนี้
1. รูปเหมือนพิมพ์เตารีด เนื้อทองคำ ทำบุญองค์ละ 20,000 บาท (สร้างจำนวน 32 องค์)2. รูปเหมือนพิมพ์เตารีด เนื้อเงิน ทำบุญองค์ละ 1,500 บาท (สร้างจำนวน 300 องค์)3. รูปเหมือนพิมพ์เตารีด เนื้อนวโลหะ ทำบุญองค์ละ 9,000 บาท (สร้างจำนวน 900 องค์)4. รูปเหมือนพิมพ์เตารีด เนื้อทองแดง ทำบุญองค์ละ 200 บาท (สร้างจำนวน 2,000 องค์)
ธนาณัติสั่งจ่าย ปท.อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ในนาม พ.ต.อ.จักรภาณุ ฤทธิสุนทร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง (เพิ่มค่าส่ง 50 บาท)
“พ่อท่านแปลก แปลกสมชื่อ ลือเล่าขานแปลกด้วยญาณ สมาบัติ วิรัตผลแปลกแต่จริง สิ่งลี้ลับ กับเวทมนต์แปลกกว่าคน จะหยั่งรู้ ดูด้วยตา”
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 933 เดือนสิงหาคม 2548 : พ่อท่านแปลก วัดปากปรน จ.ตรัง ภาพและเรื่อง โดย... สุธน ศรีหิรัญ )
ลิขสิทธิ์ © 2010 ลานโพธิ์ - สำนักพิมพ์บางกอกสาส์น. สงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งหมด. กรุณาอย่าตัดต่อหรือคัดลอกข้อเขียนเพื่อการแจกจ่ายทางอีเมลหรือโพสข้อเขียนลงบนเว็บไซด์ กรุณาใช้เครื่องมือของเว็บไซด์ลานโพธิ์ เพื่อแสดงความคิดเห็น.http://lanpothai.com/prakaeji/tai/224-2009-11-25-06-17-06.html
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น